เป็นช่วงเวลากว่าสองพันปีมาแล้วที่มีการค้นพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญกว่าร้อยชนิดที่มีสรรพคุณสำคัญทางการแพทย์โดยการส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าในเห็ดหลืนจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรคร่างกายที่เคยได้ดีตามที่ธรรมชาติมอบให้ก็จะกลับมาทำงานได้ดังเดิม
เห็ดหลืนจือมีมากกว่า 2,000 ชนิดในโลก เราแบ่งเป็นสีต่างๆ 6 สี คือ ดำ เขียว ขาว เหลือง ม่วงและแดง ทั้ง 6 ชนิดนี้คือ สายพันธ์ที่ได้รับการศึกษามากที่สุด และในจำนวน 6 สายพันธ์นี้ เห็ดหลืนจือแดงคือสายพันธ์ที่ได้รับการเพาะปลูกมากเพราะมีประสิทธิภาพทางยามากที่สุด อย่างไรก็ตามวิธีการปลูก สภาพแวดล้อม และการดูแล สามารถทำให้คุณภาพของเห็ดหลินจือแดงจากแหล่งต่างๆ แตกต่างกันได้อย่างมาก
เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงที่มีคุณภาพมากที่สุด สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ
ขั้นแรก ควรเลือกเห็ดหลินจือแดงที่มีจากการเพาะปลูกไม่ใช่เห็ดหลินจือที่มีจากธรรมชาติเพราคุณภาพของเห็ดที่มีจากธรรมชาติ จะมีความหลากหลายตามสภาพแวดล้อมที่มันเติบโตขึ้น และโดยทั่วไปเห็ดหลินจือจะขึ้นในบริเวณที่เป็นป่าชื้น ไม่มีการรบกวนจากมลภาวะหรือมนุษย์ การเก็บเห็ดหลินจือแบบนี้อาจทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเสียหายได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จึงเป็นเห็ดที่มาจากการเพาะเลี้ยงในโรงเรือนร้อน การเพาะปลูกแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจากเมืองกุนมะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ซึ่งตระกูลมายูซูมิเป็นผู้คิดค้นกรรมวิธีการเพาะปลูกบนขอนไม้โอ๊คญี่ปุ่น
เห็ดหลินจือตากแห้งที่เราเห็นโดยทั่วไปมักจะเป็นเห็ดหลินจือดำ ซึ่งมีผลในด้านการบำรุงร่างกายบ้าง แต่เห็ดหลินจือแดงจะมีสารโพลีแซคคาไรด์มากกว่าซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพทางยามากกว่า
ขั้นที่สอง ควรเลือกผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงที่ได้จากการสกัดหลายยี่ห้อเป็นการป่นให้เป็นผงแล้วนำไปบรรจุแคบซูลซึ่งราคาจะถูกกว่ามากเห็ดหลินจือป่นจะไม่มีคุณสมบัติในการรักษาเพราะโครงสร้างของเห็ดหลินจือประกอบด้วยไคตินซึ่งเป็นเหมือนไม้เนื้อแข็งยากต่อการย่อยและดูดซึมของร่างกาย นอกจากจะมีการแปรรูปโดยการสกัดผงเห็ดหลินจือที่ได้จากการป่นจะไม่มีคุณสมบัติทางยาและอาจก่อให้เกิดการแพ้ในบางกรณี เพราะฉะนั้นควรเลือกเฉพาะผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงที่ผ่านการสกัดแล้วเท่านั้น โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปผงสำหรับละลายน้ำหรือแคปซูล
สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกรรมวิธีการเพาะปลูกและวิธีการสกัด เห็ดหลินจือแดงเป็นพืชที่โตยาก ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างในการเจริญเติบโตซึ่งค่อนข้างยากที่จะควบคุมในธรรมชาติ นอกจากนี้เห็ดหลินจือแดงยังมีความไวต่อมลพิษ โรคพืชและแมลงต่างๆ ดังนั้นการหาเห็ดหลินจือแดงที่เจริญเติบโตสมบูรณ์ในธรรมชาติจึงเป็นเรื่องยาก สปอร์เห็ดหลินจือแดงมีลักษณะที่แข็งการที่มันจะเกิดเป็นต้นหลินจือใหม่ต้องมีจังหวะที่ดีพอ คือ สปอร์จะต้องไปตกในบริเวณซากต้นไม้ที่มีสารอาหารแบบที่มันชอบ อุณหภูมิต้องพอดี ความชื้นแสงสว่างที่เหมาะสมจากสาเหตุดังกล่าวทำให้การหาเห็ดหลินจือแดงที่เติบโตสมบูรณ์เต็มที่ในธรรมชาติเป็นเรื่องที่ยากมากจากต้นไม้ 10,000 ต้น อาจจะมีเห็ดหลินจือแดงแค่ 2-3 ต้นเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาหลายปีศึกษาค้นคว้าว่าเห็ดหลินจือแดงจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาวะแบบใด ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่สามารถทำการเพาะปลูกและสกัดสารจากเห็ดหลินจือแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งได้สารออกฤทธิ์มากที่สุด นักวิจัยยังพบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเก็บเห็ดหลินจือแดง คือ ช่วงที่มันเจริญเติบโตเต็มที่ตัวยาต่างๆ จะมีอยู่มากที่สุด การเพาะปลูกบางวิธีจะทำได้แค่เพียงต้นเห็ดหลินจือแดงที่มีขนาดเล็ก แกร็น ซึ่งตัวยาสำคัญก็ยังไม่มีปริมาณที่มากพอ ดังนั้น เห็ดหลินจือแดงแต่ละยี่ห้อก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันตามวิธีการเพาะปลูกด้วย
สนับสนุนข้อมูลโดย บริษัท แมกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด (02-653-0050) สนใจศีกษาข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือแดงญี่ปุ่นได้ที่ www.maxelement.co.th
ที่มา: หนังสือนิตยสารชีวจิต “ทันโลกสุขภาพ (Update)” ประจำวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2556
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น